Header

 

เมนูหลัก

แผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต

การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร

สมาชิก

สถิติ

วันนี้ 0

เมื่อวานนี้ 181

สัปดาห์นี้ 325

เดือนนี้ 0

ทั้งหมด 92343

Currently are 10 guests and no members online

Kubik-Rubik Joomla! Extensions

ประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

 
โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร
 
โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำเป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ผู้ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะเสียชีวิตเกือบทุกรายเนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้ในการรักษา แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
 
อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในคนเป็นอย่างไร
 
หลังได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าผู้ป่วยจะแสดงอาการป่วยโดยเฉลี่ยประมาณ3 สัปดาห์- 3 เดือนในบางรายอาจใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีอาการก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับตำแหน่งที่ถูกกัด ขนาด จำนวนและความลึกของบาดแผลรวมถึงภูมิต้านทานของคนที่ถูกสัตว์กัด 
 

ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าเป็น 3 ระยะ ดังนี้
  1. ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน กระวนกระวายนอนไม่หลับ ในบางรายอาจมีอาการ เจ็บ เสียวแปล๊บคล้ายเข็มทิ่ม หรือคันอย่างมากบริเวณที่ถูกกัด ซึ่งเป็นลักษณะที่จำเพาะของโรคระยะนี้มีเวลาประมาณ 2-10  วัน
  2. ระยะที่มีอาการทางสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน วุ่นวาย กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง กลืนลำบาก  รวมถึงกลัวน้ำ อาการจะเป็นมากขึ้นหากมีเสียงดัง หรือถูกสัมผัสเนื้อตัว จากนั้นผู้ป่วยอาจมีอาการชักและเป็นอัมพาต ระยะนี้มีอาการประมาณ 2-7  วัน
  3. ระยะท้าย ผู้ป่วยอาจมีภาวะหายใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น โคม่า และเสียชีวิตในเวลาอันสั้น
 
ควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อถูกสัตว์กัด
  1. รีบล้างแผลให้เร็วที่สุดด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้งนานอย่างน้อย 15 นาที ล้างทุกแผล และล้างให้ลึกถึงก้นแผล  แล้วเช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน เป็นต้น บริเวณแผล
  2. จดจำลักษณะและสังเกตอาการสัตว์ที่กัด รวมทั้งสืบหาเจ้าของ เพื่อสอบถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และสังเกตอาการสัตว์ที่กัดเป็นเวลา 10 วัน ถ้าสัตว์ไม่มีอาการผิดปกติอาจไม่ใช่โรคพิษสุนัขบ้า แต่ถ้าสุนัขตายให้นําซากมาตรวจ
  3. ไปพบแพทย์ทันทีพร้อมนำสมุดวัคซีนหรือประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและบาดทะยักไปด้วย เพื่อรับการป้องกันรักษาที่ถูกต้อง ถ้ามีความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้า อาทิเช่น ถูกกัดหรือข่วน แพทย์จะพิจารณาฉีดวัควัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และยาฆ่าเชื้อ  นอกจากนี้ในกรณีที่มีโอกาสติดโรคพิษสุนัขบ้าสูง แพทย์อาจพิจารณาให้อิมมูโนโกลบุลินซึ่งมีภูมิต้านทานโรคพิษสุนัขบ้าร่วมด้วย โดยวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจะฉีดประมาณ 3-5ครั้ง เป็นวัคซีนมีความปลอดภัยสูงสามารถฉีดได้ทุกวัย รวมทั้งในเด็กและสตรีมีครรภ์ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีประสิทธิภาพสูงหากไปรับการฉีดตรงตามแพทย์นัดทุกครั้ง
จะป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างไร

เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่ไม่มียาที่ใช้ในการรักษา และถ้าติดเชื้อจะเสียชีวิตเกือบทุกราย ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยมีแนวทางในการป้องกันดังนี้
  1. ควบคุมไม่ให้สัตว์เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
     - พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าตามกำหนด และฉีดซ้ำทุกปี
     - ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงไปในที่สาธารณะ ทุกครั้งที่จะนำสุนัขออกนอกบ้านควรอยู่ในสายจูง
     - ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง
  2. หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสัตว์กัดโดยไม่แหย่ หรือรังแกให้สัตว์โมโห รวมทั้งไม่ยุ่งหรือเข้าใกล้สัตว์ที่ไม่รู้จักหรือไม่มีเจ้าของ
  3. ถ้าถูกสัตว์กัดแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น
  4. พิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบป้องกันล่วงหน้าในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่ สัตวแพทย์ ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงและขายสัตว์ เป็นต้น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่มีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งอาจทำให้การเข้าถึงวัคซีน การตรวจทางน้ำเหลือง รวมถึงการมารับวัคซีนกระตุ้นตามนัดทำได้ยากลำบาก หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีแหล่งรังโรคของโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ป่า รวมถึงเด็กที่เลี้ยงสุนัขและแมว เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบป้องกันล่วงหน้าโดยฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 7 วันและเมื่อถูกสัตว์กัดจะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำอีก 1-2 ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องฉีดอิมมูโนโกลบุลินซึ่งอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ และเจ็บปวดเวลาฉีดรอบแผลร่วมด้วย

 

410873539 750176207005930 2326481821946346674 n

โครงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567

โครงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567

 

S 12869687

ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ถังขยะเปียกลดโลกร้อน วิธีการจัดการขยะอินทรีย์ หรือขยะเปียกครัวเรือน

องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเป้า ขอเชิญชวนทุกท่าน ช่วยกันลดปริมาณและคัดแยกขยะอินทรีย์หรือขยะเปียกครัวเรือนเพื่อสนับสนุนโยบายของรัฐบาลในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ตาม 3Rs (ใช้น้อย ใช้ซ้ำและนำกลับมาใช้ใหม่)  โดยการลด คัดแยก และจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง  ได้แก่  ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร เศษผัก ผลไม้ หรืออื่นๆ ที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยการจัดทำถังขยะอินทรีย์หรือขยะเปียกครัวเรือน การทำน้ำหมัก  การทำปุ๋ยหมัก  การนำไปเลี้ยงสัตว์ หรือวิธีการอื่น 

 

ประกาศงบทดลองประจำเดือนธันวาคม 2566

ประกาศงบทดลองประจำเดือนธันวาคม 2566 คลิกที่นี่

องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเป้า

ตำบลบ้านเป้า อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ 31120

Tel/Fax :  044 119 756

💬 แชทกับเรา